ฮุนได โซนาต้า เปิดตัวครั้งแรกในปี 1989 และบุกตลาดเมืองไทยเกือบจะพร้อมๆกับเอกเซลในปี1991 นับเป็นรุ่นที่ใหญ่ที่สุดของฮุนได(ตอนนั้นยังไม่มีรุ่นXG350และ เซนเทนเนียล) ประสบความสำเร็จในไทยพอควรสำหรับรถแบรนด์ใหม่ จากนั้น 2 ปีในปี 93 ก็ได้โมเดลเชนจ์ใหม่ ลบเหลี่ยมสันดูปราดเปรียว เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากเนื่องจากรถซีดานขนาดกลางแต่ขายในราคา โคโรล่า ซีวิค ได้ออพชั่น แถมได้ความกว้างขวาง สมรรถนะดีกว่า ยังไงๆก็ขายได้ถึงแม้หลายๆคนยังไม่ให้การยอมรับแบรนด์เกาหลีก็ตาม (สมัยนั้นเอสเปอร์โร่ก็ขาย 5-6 แสนเช่นกัน) พอยุคต่อมาฮุนไดก็เปิดตัวรุ่น facelift ของ โซนาต้า โดยที่แทบจำเค้าโครงเดิมไม่ได้ด้านหน้า ด้านท้าย ด้านในใหม่หมด แต่ใช้พื้นฐานรุ่นเก่า เปิดตัวประมาณปี 97 เรียกรุ่นนี้ว่ารุ่นไฟหยัก ,ไฟถั่ว ,ท้ายสามเหลี่ยมก็เป็นที่รู้กัน ทำตลาดมาเงียบๆอาศัยบุญเก่าของรุ่นพี่ที่เคยทำไว้ ประกอบกับปัญหาการบริหารของฮุนไดเกาหลี ก็ทำให้ฮุนไดในไทยเจ๊งไป แต่ในเมืองนอกปี 2000 ออกรุ่นโมเดลเชนจ์มา ไฟหน้าทรงรีดูน่ารัก เห็นนำเข้ามาอยู่บ้าง ต่อมารุ่น facelift ทำไฟหยักอีกแล้ว คราวนี้หยักมากขึ้นคล้ายๆเบนซ์ C-class แล้วก็ลดลงมาทำตลาดข้างล่าง เพราะมีรุ่นXG350เข้ามาประกบรถระดับสูงขึ้น
สำหรับในไทยนั้นผมขอแนะนำรุ่นที่ขายดีที่สุดของโซนาต้า นั่นคือโซนาต้าปี93-96ตัวหน้าเทครับ แบ่งออกเป็น 2 รุ่นหลักๆคือ GLI และ GLSI ความแตกต่างของ GLI กับ GLSI ที่ตัวเครื่องยนต์ครับ Sonata รุ่นนี้มีเครื่องลงอยู่ 2 ตัว GLI 8 วาล์ว กับ GLSI 16 วาล์ว โดยเครื่อง 8 วาล์วจะได้เปรียบเรื่องความอึดของเครื่องยนต์และประหยัดกว่า 16 วาล์ว แต่ตัว 16 วาล์วจะได้เรื่อง พละกำลัง ชนิด อัตราเร่ง 0-100 ใน 9 วิ(ตามเสปกที่เคลมมาจากโรงงาน ในโหมด power ของเกียร์อัตโนมัติ) ส่วนเรื่องออพชั่นตัว GLSI จะมีแอร์แบคคนขับ เบาะหนัง ไฟตัดหมอก ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ เหมือนกันทั้งหมด ในปี 95-96 จะมีรุ่นท็อปกว่าออกมาเรียกว่ารุ่น supreme ภายในเป็นเบาะหนัง และปรับไฟฟ้าได้เฉพาะด้านคนขับ มีพัดลมเป่าเท้า มี airbag disc brake 4 ล้อพร้อมเอบีเอส ไฟตัดหมอก รูป ทรงภายนอกต่างจากรุ่นแรกพอสมควร ด้านหน้าลาดเอียงลงดูสปอร์ต ไฟหน้าสี่เหลี่ยมเฉียง กระจังหน้า 2 ชั้นตรงกลางมีตราฮุนไดติด ซึ่งไอ้กระจังหน้านี้มีแบบโครเมียมซี่ตั้งด้วย แต่ใส่แล้วผมว่าดูขัดๆตา กันชนหน้ายื่น มีช่องดักลมขนาดใหญ่ประกบด้วยไฟตัดหมอกทรงเฉี่ยว(เฉพาะรุ่น GLSI) ด้านข้างดูเป็นลิ่ม โค้งมน ไม่มีสันหรือว่าเส้นนำสายตาพาดอยู่ข้างตัวรกเลย ซึ่งลำบากเวลาช่างโป๊วสีรถ ถ้าฝืมือใครโป๊วไม่ดี มันจะเป็นลอนๆสังเกตง่าย ภายในกว้างขวางดีพอๆกับโคโรน่าท้ายโด่งเลยทีเดียว เสียงเครื่องยนต์รบกวนไม่มียกเว้นตอนกด เบาะหนังจะมีเฉพาะรุ่นท๊อป แอร์ลมเบาไปนิด ระบบแอร์ค่อนข้างเปราะ สามารถแปลงเป็นแอร์ญี่ปุ่นได้ เมื่อลองขับดู สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมประทับใจมาก คือสมรรถนะเนี่ยแหละครับ คือก่อนหน้าที่จะลองขับฮุนไดก็ คิดว่าสมรรถนะก็คงจะพอๆกับรถญี่ปุ่น แต่พอลองขับจริงแล้ว ตรงกันข้ามเลย ถึงแม้ตีนต้นจะสู้รถญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ปลายนั้นขับเพลินๆดูไมล์ได้ 160 แน่ะ ไม่แน่ใจว่าไมล์มันอ่อนหรือว่าเราเท้าหนัก ช่วงล่างนิ่งทั้งโค้งและตรง การเร่งแซงนั้นต้องรอนิดนึง แต่ความเร็วปลายผมว่าสามารถถึง 180 ได้สบายๆ เบรคพอใช้ได้ พวงมาลัยสร้างความมั่นใจได้ดีกว่ารถญี่ปุ่นคันเล็กๆใหม่ๆซะอีก หลังจากลองอย่างไม่เกรงใจเจ้าของแล้ว ก็มาดูสภาพเครื่องกัน เครื่องตอนแรกที่เห็นนั้นตกใจ เพราะเหมือนกับ 4G ที่วางในกาแลนท์มาก สามารถเทียบอะไหล่ด้วยกันได้ (กระซิบนิดนึงว่าของฮุนไดถูกกว่า)
สเปกเครื่องมีดังนี้ครับ
Hyundai Sonata แบบ 4 DOORS
เครื่องยนต์แบบ 4สูบแถวเรียง DOHC 16 V. ความจุกระบอกสูบ ซี.ซี. 1997 ความกว้างกระบอกสูบ X ระยะชัก 85.0 X 88.0 อัตราส่วนกำลังอัด 9.0 : 1 แรงม้าสูงสุด PS/RPM 139/5,800 แรงบิดสูงสุด KG-M/RPM 18.4/4,000 ระบบควบคุมและการจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ECI-MULTI ระบบจุดระเบิดแบบ อิเล็คทรอนิกส์ ขับเคลื่อน ล้อหน้า เกียร์อัตโนมัติ 4 SPEED ควบคุมด้วยอิเล็คทรินิกส์(SPORTและประหยัด)
ความยาว ม.ม 4,700 ความกว้าง ม.ม 1,770 ความสูง ม.ม 1,405 ความยาวฐานล้อหน้า/หลัง ม.ม 2,700 ความกว้างฐานล้อหน้า/หลัง ม.ม 1,515 / 1,500 น้ำหนักรถเปล่า ก.ก A/T 1,298 ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงหลัง อิสระมัลติลิ้งค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรค 2 วงจรไข้ว พร้อมวาล์วปรับแรงดัน DPV เบรคหน้า/หลัง ดิสก์มีช่องระบายความร้อน / ดรัมเบรค ขนาดยาง 205/60R15
ข้อ ดี ภายในกว้างขนาดเป็นรถลิมูซีนสนามบินได้เลย ออพชั่นมีมาให้แบบครบครัน ช่วงล่างดีทั้งย่านความเร็วต่ำและสูง เบรควางใจได้ มาตรฐานความปลอดภัยสูง กันชนหน้าเป็นสแตนเลสนะครับ ไม่ใช่โฟมแบบรถญี่ปุ่นรุ่นประหยัด
ข้อเสีย กินน้ำมันไปหน่อยอันนี้แล้วแต่น้ำหนักเท้าด้วยครับ ในเมืองบริโภคประมาณ 7-9 กิโล นอกเมืองมี 12โล/ลิตร ให้เห็น แอร์เบาไปหน่อย ระบบแอร์เดิมๆเปราะไปนิด แหล่งอะไหล่มีน้อยกว่ารถญี่ปุ่นบางค่าย แต่หาได้ครบแน่นอน ถ้าอะไหล่แท้ราคาไม่หนี โคโรน่า มากนัก และถูกกว่า แอคคอร์ด อัลติม่า โครโนส ในบางชิ้นเสียอีก ปัญหาอีกจุดคือเรื่องสายพานราวลิ้น เจ้าsonata ตามคู่มือให้เปลี่ยนที่60,000km เจ้าของส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมเปลี่ยนตามเวลา ถ้าเข้าศูนย์ก็ราวๆ 10,000 อู่นอกราวๆ 5000 อีกจุดคือ ถ้าเปิดแอร์แล้วเครื่องสั่น ตัว idle speed control น่าจะไปแล้ว ปรกติอายุการใช้งานราวๆ 7ปี ถ้าราคาศูนย์ ราวๆ 7000 ของมือสอง 2500-3500 จุดบกพร่อง ที่เหลือก็ไม่มีอะไร
สรุป รถรุ่นนี้ คันใหญ่ กว้างขวาง สมรรถนะดี ถึงแม้จะไม่ใช่รถตลาดแต่อะไหล่ยังมีครบ ราคาสมกับคุณภาพ ทางที่ดีควรรู้แหล่งอะไหล่ มีอู่ที่รู้ใจ ไม่อย่างงั้นจะเจอ ลูกมั่วช่าง อ้างว่าอะไหล่หายาก แพง แล้วบางทีเลยพาลไปหาว่ารถเค้าห่วย ส่วน เรื่องกินน้ำมันมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเท้าซะส่วนใหญ่ ก็น่าเล่นพอสมควรสำหรับเจ้าตัวนี้ในงบ 1.8แสน-2.4แสน ในสภาพดีๆปี93-96 ถ้าเล่นรถญี่ปุ่นอาจจะได้แค่ปี 90-92 นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น