ในงบแสนต้นๆจะหารถขนาดใหญ่นั่ง 5 คนหลวมๆ วิ่งทางไกลดี แข็งแรง ทนทาน ปลอดภัย หลายๆคนก็จะมอง Benz W123, BMW E28, Volvo 740 แต่หลายๆคนมองข้ามรถคันใหญ่จากฝรั่งเศสคันนี้ไป เจ้าเปอร์โยต์ 505 รุ่นใหญ่สุดของเปอร์โยต์ในสมัยนั้น ทนทาน คันใหญ่ ไม่ให้เสียเวลา เราลองมาดูเจ้าตัวนี้กันว่าเป็นอย่างไร
ในปี1978 เจ้า 604 ที่เริ่มจะเก่าไปแล้วต้องหยุดสายพานการผลิตไป ทำให้รุ่นใหญ่ของเปอร์โยต์ขาดช่วงไป ระหว่างที่รอรุ่น 605 ทางเปอร์โยต์ก็ได้พัฒนาเจ้า 504 ให้มาอุดช่องว่างระหว่างนี้ไปพลางๆเรียกรุ่นนี้ว่า 505 แต่ว่าเจ้า 504 เดิมมันก็ดีอยู่ในด้านของเทคโนโลยี เพราะฉะนั้นเทคโนโลยีของ 504 จึงได้นำลงมาใส่ใน 505 เกือบหมด ใครที่เคยเล่นหรือลอง 504 แล้วจะรู้ว่ามันดีขนาดไหน ทั้งดูแลรักษาง่าย อึด ทน ชนะการแข่งขันหลายรายการเลยทีเดียว จะว่าไปแล้วเจ้า 504 ก็เปรียบเหมือนโฟล์ค บีเทิลของเปอร์โยต์เลยทีเดียว รูป ทรงด้านหน้าเป็นเหลี่ยม ไฟหน้าทรงเหลี่ยมเชิดขึ้นเล็กน้อย กระจังหน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้าลายตะแกรง กันชนเรียบๆฝังไฟหรี่และไฟเลี้ยวไว้ เปอร์โยต์ 505 แบ่งออกเป็น 3 ช่วงใหญ่ ในรุ่นแรกปี79 จะเป็นกันชนเล็ก กระจังหน้ายังมีลายไม่ชัดเจน เครื่องแบบ 504 เลยเปลี่ยนแต่เปลี่ยนคาร์บูจาก zenith ไปเป็น solex มี แรงม้า 96 แรงม้า เกียร์รุ่นแรกเป็นธรรมดา 4 สปีด จุดระเบิดด้วยทองขาว รุ่นต่อมา 5 สปีด ใช้ จุดระเบิดด้วยอีเล็กทรอนิค คอนโซลหน้า เรียบๆหน้าปัดไม่มีวัดรอบ เบาะผ้า/กำมะหยี่ ไฟท้ายตรงมุมเป็นไฟเลี้ยว ถัดมาเป็นไฟเบรกและข้างล่างไฟเบรกเป็นไฟถอยหลังรุ่นต่อมาก็แค่เปลี่ยนกันชน แบบรุ่นเทอร์โบมีชายล่างเป็นชิ้นเดียวกัน ไฟท้ายลดขนาดไฟถอยหลังให้เล็กลงกว่าเดิม ไฟท้ายลาดลงไม่ตั้งชันเหมือนรุ่นแรก จึงเรียกกันติดปากในหมู่นักเล่นเปอร์โยต์ว่ารุ่นไฟท้ายเอียง เครื่องยนต์และภายในเหมือนเดิม ส่วนรุ่นสุดท้ายปี86 จะเปลี่ยนคาร์บิว ท่อไอดี ฝาสูบใหม่ มีแรงม้า 108 แรงม้า พวงมาลัยพาวเวอร์ กระจกข้างแบบรุ่น 309 ภายนอกและภายในเปลี่ยนใหม่หมดดูล้ำสมัยมากจนรุ่นน้องอย่าง 405 ยังยืมรูปแบบคอนโซลไปใช้ ในปีแรกๆที่เปลี่ยนโฉมจะใส่ไฟท้ายและกรอบป้ายทะเบียนแบบ รุ่นไฟท้ายเอียง ปีต่อๆมาจะเปลี่ยนไฟท้ายแบบ 3 แถบ เครื่อง 2.0 ลิตรพร้อมพะตัว 2.0 เอาไว้ตรงบังโคลนด้วย นอกจากนี้ยังมีตัวV6ที่หาชม ยากมาก และรุ่นคูเป้/เปิดประทุนสำหรับตัวเมืองนอกด้วย แต่รุ่นที่ผมแนะนำเป็นรุ่น 505 2.0 รุ่นสุดท้ายปี 88-93ซึ่งเพียบไปด้วยเทคโนโลยีทนทานจาก 504 และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งหาไม่ได้จากรุ่นน้องอย่าง 405 GR ซึ่งมีราคาสูงกว่า
ภายนอกแตกต่างจากรุ่นก่อนๆตรงกระจังหน้ามีลายตะแกรงชัดเจน กันชนหน้าขนาดใหญ่มีชิ้นสปอยเลอร์ล่าง เหมือนรุ่นV6 คิ้ว กันกระแทกขนาดใหญ่รอบคันตามสมัยนิยม ไฟท้ายมี 3 แถบ บนสุดเป็นไฟเลี้ยว ตรงกลางเป็นไฟถอย ล่างสุดเป็นไฟเบรก ภายในเป็นเบาะผ้าแต่สามารถเลือกออพชั่นเป็นเบาะหนังได้ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ถ้าจะหาออโต้ก็คงจะเป็นปี 90-93 หรือไม่ก็รถนำเข้า คอนโซลหน้าเปลี่ยนไปมาก สวยจนลืมของเดิมไปได้เลย หน้าปัด 3 วงใหญ่ๆ วงซ้ายเป็นวัดรอบ ตรงกลางเป็นความเร็ว วงขวาเป็นมาตรวัดของเหลวต่างๆ ส่วน pictograph ก็อยู่ข้างบน 505ตัวเมืองนอกมีไฟบอกตำแหน่งเกียร์ออโต้ด้วย ล้ำสมัยมาก ที่วางขามีเหลือเฟือ กล้าพูดได้เลยว่ากว้างพอๆกันหรือมากกว่า W123 ด้วยซ้ำไปทั้งๆที่ขนาดฐานล้อเท่ากับ 504 เบาะตัวโตใช้ได้ นั่งสบายขับแล้วไม่เครียด
เมื่อ ลองขับดูแล้วรู้สึกถึงความนุ่มนวลดีถึงแม้ใช้เพลาลอยก็ตาม ตีนต้นไม่ดีนักเพราะแบกน้ำหนักตัวไว้มากใช้เครื่องแค่ 2.0 จึงไม่ได้แรงเท่าที่ควร ช่วงล่างนุ่มนวลไม่มีการเต้นของช่วงล่างเวลาขึ้น-ลงเนิน เกาะถนนระดับดีมากทีเดียว ถึงรถจะเก่าแล้วก็ตาม การเก็บเสียงในห้องโดยสารพอใช้ได้ เครื่องยนต์เดินเงียบมากเพราะมี silent shaft เหมือนกับกาแลนท์ ซิกม่า ตีนปลายวิ่งได้ถึง 150 แบบนิ่งๆได้อย่างสบายๆแต่ต้องรอนิดนึงครับ
ในปี1978 เจ้า 604 ที่เริ่มจะเก่าไปแล้วต้องหยุดสายพานการผลิตไป ทำให้รุ่นใหญ่ของเปอร์โยต์ขาดช่วงไป ระหว่างที่รอรุ่น 605 ทางเปอร์โยต์ก็ได้พัฒนาเจ้า 504 ให้มาอุดช่องว่างระหว่างนี้ไปพลางๆเรียกรุ่นนี้ว่า 505 แต่ว่าเจ้า 504 เดิมมันก็ดีอยู่ในด้านของเทคโนโลยี เพราะฉะนั้นเทคโนโลยีของ 504 จึงได้นำลงมาใส่ใน 505 เกือบหมด ใครที่เคยเล่นหรือลอง 504 แล้วจะรู้ว่ามันดีขนาดไหน ทั้งดูแลรักษาง่าย อึด ทน ชนะการแข่งขันหลายรายการเลยทีเดียว จะว่าไปแล้วเจ้า 504 ก็เปรียบเหมือนโฟล์ค บีเทิลของเปอร์โยต์เลยทีเดียว รูป ทรงด้านหน้าเป็นเหลี่ยม ไฟหน้าทรงเหลี่ยมเชิดขึ้นเล็กน้อย กระจังหน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้าลายตะแกรง กันชนเรียบๆฝังไฟหรี่และไฟเลี้ยวไว้ เปอร์โยต์ 505 แบ่งออกเป็น 3 ช่วงใหญ่ ในรุ่นแรกปี79 จะเป็นกันชนเล็ก กระจังหน้ายังมีลายไม่ชัดเจน เครื่องแบบ 504 เลยเปลี่ยนแต่เปลี่ยนคาร์บูจาก zenith ไปเป็น solex มี แรงม้า 96 แรงม้า เกียร์รุ่นแรกเป็นธรรมดา 4 สปีด จุดระเบิดด้วยทองขาว รุ่นต่อมา 5 สปีด ใช้ จุดระเบิดด้วยอีเล็กทรอนิค คอนโซลหน้า เรียบๆหน้าปัดไม่มีวัดรอบ เบาะผ้า/กำมะหยี่ ไฟท้ายตรงมุมเป็นไฟเลี้ยว ถัดมาเป็นไฟเบรกและข้างล่างไฟเบรกเป็นไฟถอยหลังรุ่นต่อมาก็แค่เปลี่ยนกันชน แบบรุ่นเทอร์โบมีชายล่างเป็นชิ้นเดียวกัน ไฟท้ายลดขนาดไฟถอยหลังให้เล็กลงกว่าเดิม ไฟท้ายลาดลงไม่ตั้งชันเหมือนรุ่นแรก จึงเรียกกันติดปากในหมู่นักเล่นเปอร์โยต์ว่ารุ่นไฟท้ายเอียง เครื่องยนต์และภายในเหมือนเดิม ส่วนรุ่นสุดท้ายปี86 จะเปลี่ยนคาร์บิว ท่อไอดี ฝาสูบใหม่ มีแรงม้า 108 แรงม้า พวงมาลัยพาวเวอร์ กระจกข้างแบบรุ่น 309 ภายนอกและภายในเปลี่ยนใหม่หมดดูล้ำสมัยมากจนรุ่นน้องอย่าง 405 ยังยืมรูปแบบคอนโซลไปใช้ ในปีแรกๆที่เปลี่ยนโฉมจะใส่ไฟท้ายและกรอบป้ายทะเบียนแบบ รุ่นไฟท้ายเอียง ปีต่อๆมาจะเปลี่ยนไฟท้ายแบบ 3 แถบ เครื่อง 2.0 ลิตรพร้อมพะตัว 2.0 เอาไว้ตรงบังโคลนด้วย นอกจากนี้ยังมีตัวV6ที่หาชม ยากมาก และรุ่นคูเป้/เปิดประทุนสำหรับตัวเมืองนอกด้วย แต่รุ่นที่ผมแนะนำเป็นรุ่น 505 2.0 รุ่นสุดท้ายปี 88-93ซึ่งเพียบไปด้วยเทคโนโลยีทนทานจาก 504 และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งหาไม่ได้จากรุ่นน้องอย่าง 405 GR ซึ่งมีราคาสูงกว่า
ภายนอกแตกต่างจากรุ่นก่อนๆตรงกระจังหน้ามีลายตะแกรงชัดเจน กันชนหน้าขนาดใหญ่มีชิ้นสปอยเลอร์ล่าง เหมือนรุ่นV6 คิ้ว กันกระแทกขนาดใหญ่รอบคันตามสมัยนิยม ไฟท้ายมี 3 แถบ บนสุดเป็นไฟเลี้ยว ตรงกลางเป็นไฟถอย ล่างสุดเป็นไฟเบรก ภายในเป็นเบาะผ้าแต่สามารถเลือกออพชั่นเป็นเบาะหนังได้ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ถ้าจะหาออโต้ก็คงจะเป็นปี 90-93 หรือไม่ก็รถนำเข้า คอนโซลหน้าเปลี่ยนไปมาก สวยจนลืมของเดิมไปได้เลย หน้าปัด 3 วงใหญ่ๆ วงซ้ายเป็นวัดรอบ ตรงกลางเป็นความเร็ว วงขวาเป็นมาตรวัดของเหลวต่างๆ ส่วน pictograph ก็อยู่ข้างบน 505ตัวเมืองนอกมีไฟบอกตำแหน่งเกียร์ออโต้ด้วย ล้ำสมัยมาก ที่วางขามีเหลือเฟือ กล้าพูดได้เลยว่ากว้างพอๆกันหรือมากกว่า W123 ด้วยซ้ำไปทั้งๆที่ขนาดฐานล้อเท่ากับ 504 เบาะตัวโตใช้ได้ นั่งสบายขับแล้วไม่เครียด
เมื่อ ลองขับดูแล้วรู้สึกถึงความนุ่มนวลดีถึงแม้ใช้เพลาลอยก็ตาม ตีนต้นไม่ดีนักเพราะแบกน้ำหนักตัวไว้มากใช้เครื่องแค่ 2.0 จึงไม่ได้แรงเท่าที่ควร ช่วงล่างนุ่มนวลไม่มีการเต้นของช่วงล่างเวลาขึ้น-ลงเนิน เกาะถนนระดับดีมากทีเดียว ถึงรถจะเก่าแล้วก็ตาม การเก็บเสียงในห้องโดยสารพอใช้ได้ เครื่องยนต์เดินเงียบมากเพราะมี silent shaft เหมือนกับกาแลนท์ ซิกม่า ตีนปลายวิ่งได้ถึง 150 แบบนิ่งๆได้อย่างสบายๆแต่ต้องรอนิดนึงครับ
สเปกเครื่องยนต์มีดังนี้ครับ
เครื่องยนต์ เรียง 4 สูบ, เบนซิน : ระบบเพลาราวลิ้น OHV,โซ่ขับ : ปริมาตรความจุ(ซีซี) 1971 : ความกว้างกระบอกสูบXช่วงชัก(มม) 88x81 กำลังอัด 8.8 : 1 กำลังม้าสูงสุด/รอบ 100/5500 กำลังบิดสูงสุด/รอบ 16.4/3000 ระบบเชื้อเพลิง คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว ,ท่อคู่ : ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) 70 ขับเคลื่อน ล้อหลัง อิสระ
อัตราทดเกียร์
รุ่น 4 เกียร์
1/3.704 2/2.153 3/1.410 4/1.000
รุ่น 5 เกียร์
1/3.592 2/2.088 3/1.366 4/1.000 5/0.823 ถอยหลัง 3.747
อัตราทดเฟืองท้าย 3.584 : 1 ระบบกันสะเทือนหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท, คานปีกนก A-ARM ระบบกันสะเทือนหลัง คอยล์สปริง,คานอิสระ เบรกหน้า ดิสก์ เบรกหลัง ดรัม
ขนาดตัวรถ
ช่วงล้อหน้าหลัง (มม) 2740 ความกว้างล้อหน้า (มม) 1460 ความกว้างล้อหลัง (มม) 1430 ความยาวตัวรถ(มม) 4580 ความกว้างตัวรถ(มม) 1720 ความสูงตัวรถ(มม) 1450 ใต้ท้องสูง (มม) 155 น้ำหนักรถ(กก) 1210 ขนาดวงล้อ (นิ้ว) 5.5 x 14 ขนาดยาง 185/70 x 14
อัตราทดเกียร์
รุ่น 4 เกียร์
1/3.704 2/2.153 3/1.410 4/1.000
รุ่น 5 เกียร์
1/3.592 2/2.088 3/1.366 4/1.000 5/0.823 ถอยหลัง 3.747
อัตราทดเฟืองท้าย 3.584 : 1 ระบบกันสะเทือนหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท, คานปีกนก A-ARM ระบบกันสะเทือนหลัง คอยล์สปริง,คานอิสระ เบรกหน้า ดิสก์ เบรกหลัง ดรัม
ขนาดตัวรถ
ช่วงล้อหน้าหลัง (มม) 2740 ความกว้างล้อหน้า (มม) 1460 ความกว้างล้อหลัง (มม) 1430 ความยาวตัวรถ(มม) 4580 ความกว้างตัวรถ(มม) 1720 ความสูงตัวรถ(มม) 1450 ใต้ท้องสูง (มม) 155 น้ำหนักรถ(กก) 1210 ขนาดวงล้อ (นิ้ว) 5.5 x 14 ขนาดยาง 185/70 x 14
สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด(กม/ชม) 170 อัตราเร่ง 0-100 (วินาที) 14.5 ความเร็วสูงสุดของเกียร์ (กม/ชม) 1/46 , 2/84 , 3/125 ,4/170 ความสิ้นเปลือง (กม/ลิตร) 6 – 11
จุดเด่น ของมันอยู่ที่ความแข็งแรง อึด ทนทาน ซ่อมง่ายพื้นฐานเครื่องยนต์ไม่ซับซ้อนมาก อู่ที่ซ่อมเปอร์โยต์ก็มีค่อนข้างเยอะมากสำหรับรถยุโรป อะไหล่ไปเดินที่วรจักรมีหลายร้าน ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับครอบครัวที่งบน้อย
จุดด้อย อยู่ที่การกินน้ำมันของมันที่ค่อนข้างมากถ้าเอาแต่กดอย่างเดียว น้ำหนักตัวมากเครื่อง 108 ม้าพอใช้แค่ขับปกติในเมือง แต่ไม่ปรู้ดปร้าดสักเท่าไหร่ เดินทางไกลได้สบายๆ และด้วยขนาดตัวที่ยาวถึง 4.5 เมตร ทำให้การกะระยะหน้าหลังลำบากพอสมควร เจ้าของรถที่ผมขับเค้าเป็นคนตัวเล็ก สูงราวๆ165 ก็เลยแก้ปัญหาโดยการติดไฟมุมหน้ารถและติดสปอยเลอร์ท้ายก็ช่วยได้
จุด ที่เป็นปัญหาก็มีที่น้ำมันเกียร์ รถหลายคันผ่านการลุยน้ำมาแล้ว ให้ตรวจดูน้ำมันเกียร์ยังปกติดีอยู่หรือไม่ เพราะเกียร์รุ่นนี้มีรูระบายความร้อนที่เกียร์ จึงเป็นเหตุให้น้ำเข้าเกียร์ได้ เรื่องของช่วงล่างก็สำคัญดูการทรุดของแต่ละล้อต้องเท่ากัน ยังไม่เคยผ่านการเปลี่ยนเครื่องหรือทำสีเพราะระบบไฟอาจจะมั่วมา หลายๆคนที่คิดจะจับคันนี้เพื่อเอามาลงเครื่องใหม่ก็นับว่าคุ้มค่าเพราะได้ ความแข็งแรงแบบยุโรปแต่ประหยัดกว่าแรงกว่าเดิม แต่เสียดายเครื่องเก่า เสียรถด้วย หากคิดจะใช้แบบเดิมก็ยังพอมีรถบ้าง แนะนำปีสุดท้ายเข้าไว้ราคาไม่ต่างกันมาก ไม่น่าเกิน 1.2 แสนถ้าสภาพดีมากๆครับ
ขอบคุณ
ที่มาบทความ คุณ เทพเซฟิโร่
http://v2.one2car.com/Car2Care/read_dtl.aspx?Know_Car_Id=C120420462&Know_Topic_Id=1
ภาพจาก
http://www.unseencar.com/
อยากได้คราบ
ตอบลบ505 จะซื้อมือ2ครับไม่มั่นใจเลย
ตอบลบ