วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Frontier 3.0 ZDI กะบะสร้างตัว


หลายคนที่กำลังอยู่ในระหว่างการสร้างฐานะให้ครอบครัว กำลังคิดจะติดสินใจเลือกรถกะบะวักคันไว้ใช้เป็นเครื่องมือเำพื่อประกอบอาชีพสร้างรายได้ และหากต้องการ รถกระบะมือ 2 ที่ไม่เก่ามากราคาสบายๆลองมาดูรายละเอียดกันก่อนตัดสินใจ กับ นิสสันฟรอนเทีย 3.0 zdi กันครับเผื่อว่าท่านจะเปลี่ยนใจจากมือแรกราคาเหยียบล้าน (คิดรวมดอกเบี้ย) ต้องทำงานเลี้ยงดอกเบี้ยกันนานกว่าจะเป็นไท มาดูข้อมูลกันครับ

ภายนอก-ตัวถังใหญ่ จนเกือบดูเทอะทะ ด้อยไปนิดด้านความทันสมัยและความสวยงาม แต่หากเกิดอุบัติเหตุน่าจะได้เปรียบเรื่องความปลอดภัย ส่วนสูงพอๆกับรถ 4x4 ทำให้ต้านลมนิดหน่อย แต่ก็ดูไม่น่าเกลียดเกินไปน่าจะไปได้ดีกับถนนโลกพระจันทร์ของไทย


ภายใน
- สวยงาม ทำสีทูโทนที่คอนโซล วัสดุดูหรูเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน กว้าง ขวาง หากปรับเอนเบาะหน้าลง เอนได้จนเป็นแนวนอน เบาะนั่งสบายไม่ปวดหลังเวลาขับทางไกล บางคันจะมีเบาะหนังแท้มาให้ด้วย ลายไม้คอนโซลกลางและประตู 2ข้าง หน้าปัดขาว กลางคืนจะเรืองแสงสวยงาม มาตรวัดครบครัน มาตรวัดระยะทางรวมแบบดิจิตอล พวงมาลัยหุ้มหนังแท้(บางคัน)

เครื่องยนต์
- 3,000 ซีซี ทวินแคม 16 วาล์ว ไดเร็คอินเจ็คชั่น หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมด้วย คอมพิวเตอร์ 16 บิท 105 แรงม้า แรงน้อยไปนิดหากเทียบกับยี่ห้ออื่น ออกตัวอืดๆตามประสารถดีเซลไม่มีเทอร์โบ ช่วงเกียร์ 3-4 พุ่งดี ขึ้นเขาขึ้นทางชันแรงดีไม่มีตก ความเร็วปลายได้แค่ 165 km/h อัตราการสิ้น เปลืองนอกเมืองทำได้ที่ 18 กม./ลิตร ที่ความเร็ว 80-90 กม./ชม.เปิดแอร์,15 กม./ลิตรในเมือง ก็ถือว่าประหยัดใช้ได้ น้ำมัน เครื่องเปลี่ยนทุกๆ10,000 กม.(ทุกเกรด ศูนย์ฯ บอกมา)ช่วยประหยัดเงินได้อีกทาง เครื่องมีเพลาบาลานซ์ช่วยลดการสั่นสะเทือนและลดเสียงของเครื่องยนต์ ใช้โซ่ขับเพลาแคมชาร์พไม่ต้องกังวลเรื่องสายพาน ทนทานจริงไม่เคยมีปัญหาจุกจิก

ช่วงล่าง
-หน้าแบบ ทอร์ชั่นบาร์(ปีกนก) ให้ความนุ่มนวล หลังแบบคานแข็ง แหนบ โดดหน่อยๆ หากบรรทุกเข้าไปจะพอดี หรือไม่ต้องการบรรทุกและอยากขับนิ่มๆถอดแหนบบรรทุกตัวล่างออกก็นิ่มใช้ได้ เลย การทรงตัวพอใช้ ขับออกต่างจังหวัดไม่โคลงเวลาแซงรถใหญ่ แต่เกาะถนนสู้ช่วงล่างแบบคอยล์สปริง ปีกนกไม่ได้ ระบบแบรค หน้าดิสก์ หลังดรัม พร้อมระบบปรับแรงดันอัตโนมัติเมื่อต้องการเบรคแบบกระทันหันหรือบรรทุกหนัก

ออฟชั่น

- แอร์ วิทยุ เทป พวงมาลัยเพาเวอร์ แม็ก15 นิ้ว กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมกรอบโครเมี่ยม กระจกหน้าต่างปรับไฟฟ้า ด้านคนขับขึ้นลงในสัมผัสเดียว พร้อมปุ่มล็อกกระจก ประตูด้านคนขับ เซ็นทัลล็อก กุญแจรีโมท ล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อกดรีโมทแล้วไม่เปิดประตูภายในเวลา มือจับประตูด้านนอกโครเมี่ยม ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอกเพื่อการมองเห็นที่ ชัดเจน(บางรุ่นมีเบาะหนังแท้ และพวงมาลัยหุ้มหนังแท้)

อะไหล่
-ไม่แพงเลย ครับ ที่ไหนก็มีบางตัวแนะนำให้ใช้อะไหล่แท้นะครับเพื่อรักษาสมรรถนะและความ ปลอดภัยของรถไว้ อะไหล่บางตัวใช้ได้กับรุ่นที่ออกมาก่อนหน้า ประหยัดครับ

ราคา
- อยู่ระหว่าง 350,000 - 420,000 บาท ขึ้นอยู่กับปีรถ

สรุป หากต้องการซื้อรถกระบะที่คุ้มค่า คุ้มเงิน ก็ลองมองดูก่อนตัดสินใจ ไอ้ที่บอกปากต่อปากว่า ทน ทน มันอยู่ที่คนใช้ครับ ถ้าบำรุงรักษาไม่เป็นมันก็พังทุกยี่ห้อล่ะครับ ยี่ห้อที่บอกว่าประหยัดสุด ลองเหยียบสัก 140-160 ดูสิครับกินกว่ารุ่นอื่นๆอีกเพราะแรงมันน้อยเหยียบมากเครื่องพังเร็วอีก ผมว่าฟรอนเทียตัวที่คุณนั่งอ่านอยู่นี้ ราคาถูก ออฟชั่นครบ เครื่องทน คุณจะเอาอะไรอีก?

BMW SERIES-3 รถดีที่น่าใช้

ความเท่ห์ในงบ 30 หมื่น บวกลบ ที่พอจะนำมาบูรณะด้วยงบ 50,000 บาท แล้วใช้ต่ออีกหลายปี ใน แบบ Sport Sedan ที่ไม่ต้องเป็นรองใคร ด้านสมรรถนะ จัด เป้นรถญี่ปุ่น อยากลองมาแตะรถยุโรป BMW 318 I พูดถึงรถครอบครัวขนาด กลางของยุโรปแล้ว BMW SERIES-3 จะเป็น รถคันแถวหน้า ๆ ที่ต้องพูดถึงเสมอเพราะมีความเด่นในตัวเองมากกว่า รถ อื่น ๆ หลายด้าน อาทิ รูปทรงที่สวยบาดตา สมรรถนะ ที่ไม่เบื่อหน่าย ประสิทธิภาพ การทรงตัวที่ วางใจได้ และการขับขี่ที่ให้ความเพลิดเพลินเป็นอย่างดีกับ นักเดินทางคุณค่าของ BMW Series-3 นั้นถูก ยอมรับมา ตั้งแต่กำเนิดในทศวรรษที่ 60 ในรูทรงแรกภายใต้หมวดข้างเคียงของ BMW 2000 โดยทางบาวาเรียวางทรวดทรงใน แบบ 2 ประตู ซีดาน ภายใต้ ชื่อเรียกว่า 1602 และ 2000 นั้น สามารถเข้าต่อกรกับรถแรงอย่าง Alfa Romeo ที่จัด ว่าโด่งดังเป็นเจ้าถนน Sport Sedan ยุคนั้น เป็นอย่างมาก โดย 1602 และ 2000 สามารถตีกินด้วย คุณสมบัติที่ว่าเป็นรถเกาะถนนด้วยช่วงล่าง แบบอิสระ 4 ล้อขับหลัง
จากวันนั้นเป็นผลสูบต่อมายังรุ่นต่อมา เมื่อทางบาวา เรียเริ่มจริงจังกับรถระดับนี้ ได้กำหนดชื่อเรียกใหม่ว่า Series-3 ควบคู่กับ BMW 2000 ที่ใช้ระหัสว่า Series-5 ตั้งแต่ ต้นทศวรรษที่ 70 ส่วน Series-3 นั้น มาเริ่มเกือบกลาง ๆ ทศวรรษเดียวกัน
จากนั้นมาจนถึงปัจจุบัน 318 I กลายเป็นรุ่นที่ 4 ของ BMW หมวดนี้ โดย ปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงจาก Sedan 2 ประตูมา เพิ่มอีกแบบเป็น 4 ประตู ใน ลำดับที่ 3 ซึ่งปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงจาก Sedan 2 ประตูมาเพิ่มอีกแบบเป็น 4 ประตูในลำดับที่ 3 ซึ่งปรากฏผลสำเร็จ เนอย่างมาก สามารถขายถล่มทลายต่อเนื่องมาปัจจุบันจนการผลิต ใน Series นี้มากกว่ารุ่น 2 ประตูในระยะแรกเริ่ม
สำหรับ 318I คัน นี้เริ่มต้นในทศวรรษที่ 90 รวมระยะเวลาร่วม 10 ปี เต็มของรถรุ่นนี้สามารถทำตัว เป็นรถธงของค่าย BMW ตลอดมาทั่วโลกเป็นรถ ใฝ่ฝันของวัยจ๊าบจนถึงวัยปี้หรือจะเรียกว่ารถสำหรับคนหนุ่มสาวก็คงไม่ผิด เพราะรูปทรงเปรียวเปรี้ยวโฉบเฉี่ยวเป็นอย่างมากลงตัวทั้งทรวดทรงของ Aerodynamic รับ Ca -- 0.34 และลง ตัวกับห้องโดยสารแบบ 2 3 ที่นั่งที่สบายพอควร ต่อการโดยสารเดินทางไกลนาน ๆ ดดยมีจุดสะดวก 2 2 ที่นั่ง สำหรับการเดินทางเกิน 5 ชั่วโมงอย่างไม่อึดอัดเมื่อยล้ามาก จึงจัดเป็นรถครอบ ครัว ได้ดีคันหนึ่งหรือเป้นรถคนโสดที่มีชีวิตคล่องตัวกับเพื่นฝูง ที่ เกาะกลุ่มในบางโอกาสได้ดี แต่สภาวะขับคนเดียวนั่ง 2 คน ดูจะเหมาะกับการใช้งานแบบรถเบาแรงเพิ่มอัตราเร่งต่อการ คิดดวลความเร็วกับใครสักคน ย่อมดีกว่าการโหลดน้ำหนัก เพราะพลังแรงบิดของ 1.8 ลิตร นั้นไม่เหมาะกับการอัดยัด 4 คน เมื่อต้องการเพลิดเพลินกับความเร็ว 318I นั้นเป็น 1 ใน 4 ของหมวดพลังที่ Series-3 บรรจุมา ขายในเมืองไทย ซึ่งมีตั้งแต่ 1600 ใน รุ่น Compact 3 ประตู Lift-Back,1800 มาตรฐษน 2000 Sport และ 2500 Touring แต่ละขนาดเครื่องยนต์นั้นสร้างบุคลิกของรถแตก ต่างันไปอย่างรู้สึกได้อย่าง
-1600 Compact นั้นไม่แรงแต่ประหยัด เชื้อเพลิง จากขนาดกะทัดรัดของรถน้ำหนักเบา
- 1800 เหมาะกับการใช้งานผสมระหว่างค่าความประหยัด ลดลงหน่อย และแรงขึ้นสำหรับการเดินทาง
- 2000 เพื่อใครที่คิดวาอยากประลองตลอดเวลา
-2500เหมาะกับการเดินทางมากเพราะมีแรงบิดสำรองไว้แซงอย่างมั่นใจและขับทำความเร็วระดับ 140-160 กม/ชม. อย่างสม่ำเสมอแรงไม่ตก
เฉพาะ 318I นั้นจัดเป็นรถมาตรฐาน ของการใช้งาน รุ่นนี้จึงมี จำนวนมากสุดในตลาด จึงมีโอกาสเลือกโอกาสหาได้ง่ายกว่าอีก 3 รุ่น ทำให้ราคาค่าตัวของ 318 I นั้นค่อนข้างหวืดหวา ระดับใกล้ 40 หมื่นจนถึง 60 กว่าหมื่น แต่กลาง ๆ ที่ซื้อกันนั้นอยู่ที่ 50 หมื่นบวกขึ้นกับองค์ประกอบของ
-สภาพตัวถังเดิม ๆ สีเดิม ๆ ภายในไม่เละ
-สภาพเครื่องเดิม ๆ ไม่ทะลุ 120,000 กม. ไม่เยิ้ม ไม่ครางไม่สั่น
-สภาพช่วงล่างไม่โหลด ไม่หลวมไม่ดัง พราะแต่ละสภาพนั้นถ้าต้องนำมาเก็บงานแล้วเงบ ระดับ 15,000 ขึ้นไป ฉะนั้น เวลาจับต้องคำนึง 3 ส่วน นี้ เป็นหลัก อย่าให้ต้องเก็บงานทั้ง 3 ส่วน ขอแค่ 1-2 ส่วนก็หนักหนาแล้วปกติควรแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็พอจำได้ไม่เบื่ออย่าลืมว่า รถ BMW นั้นแทบทุกรุ่นที่ออก สู่ตลาดมือสองกว่า 60% จะเป็นรถที่เจ้าของเดิมเอา ไม่อยู่จึงยอมปล่อยออก เพราะผิดจาก BMW แล้วยากที่จับรถอื่น ๆ ได้สนิทใจจากเหตุผลของคุณสมบัติเหนือรถอื่นในระดับเดียวกันมากจุด ถ้า ใช้ดีจะไม่ปล่อยง่าย ๆ
-เวลา จับมาแล้วแทบทุกคันต้องลงทุนเก็บงาน 1 ใน 3 ของ สภาพดังกล่าวข้างต้น ฉะนั้นงบราว 40,000-60,000 บาท สำหรับ งานใหญ่ที่จะต้องทำ เพื่อใช้ดีไปหลายปีจึงควรทำ ห้ามเหนียว เด็ดขาดมิฉะนั้นจะใช้ได้อย่างเบื่อหน่าย ไม่สนุกเท่าความเท่ ของรถ
-การดูแลตัวถังนั้นต้องไม่ชนหนัก พวกกันชนหน้าหลังต้องไม่โป้วพ่นสีมาเป็นอย่างดี ไม่สาดสีทั้งคันเป็นดีที่สุด แต่ถ้าทำสีอย่างดีทั้งคันก็ไม่น่าจับว่าอุปกรณ์ภายในไม่หลุดไม่ หลุ่ยแผงหน้าปัดครบไม่แตกไม่ร้าว แผงประตูเรียบร้อย เบาะ ไม่ด่าง พรมไม่เละเป็นขรุ่ยละยอดเชียวละ
-สภาพเครรื่องยนต์เบาเรียบหลังเร่งความเร็วมา 120 กม./ชม. เข้าเกียร์ว่างที่ 750-900 รอบนิ่ง ไม่เบาะดับสั่น เพราะเครื่องนี้เป็นรุ่นใหม่ ทำงานค่อนข้างเรียบเงียบมาก จัดว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาด กะทัดรัดดูแลง่ายไม่จุกจิก หากสภาพ 120,000 กม. จริงก็พออุ่นใจว่ามีสิทธิอีก 100,000 กม. แค่เปิดฝาบดวาล์วแค่นั้นก็พอ หรือทำการเปลี่ยนแหวนลูกสูบ ชุดชาท์ฟเกิน 200,000 กม.ก็ทนใช้ได้อีก 100,000 กม. แน่นอน
ทางด้านช่างล่าง นั้นขอให้รวมถึงเฟืองท้ายกับเบรกด้วย เพราะรุ่นนี้ใช้ระบบ ช่วงล่างค่อนข้างจะทันสมัยมีจุดยืนมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายการ ซ่อมนั้นค่อนข้างมากตาม แต่เกาะถนนหายห่วงรถใหม่ ๆ ที่ ว่าเกาะแน่ ๆ บางยี่ห้อยังทิ้งโค้งสู้ 318I ไมได้ แต่ อย่างว่าระบบช่วงล่าง จึงเปลื่อยเร็วเป็นธรรมดาเพราะระดับ 50,000 กม. ก็ต้องเล่นชุดใหญ่กับช่วงหน้า และที่ 80,000 กม. ก็ชุดซ่อมช่วงล่างหลัง โดยมีจุดอ่อนที่พบบ่อยสุดคือเฟืองท้ายดังเก่ง โดยหา สาเหตุไม่พบ ฉะนั้นเวลาซื้อต้องตรวจสอบให้ดี เพราะ ค่าซ่อมเฟืองท้ายเข้าระดับ 15,000 บาท ทั้งนี้ไม่นับเกียร์ออโต้ ถ้ามีปัญหาก็ระดับ 60,000 บาทขึ้น แต่ในคันที่เป็น 5 เกียร์ ธรรมดาอุ่นใจได้ว่าไร้ปัญหาเพราะทนและค่าซ่อมถูก
โดย รวม ๆ แล้วการจับ BMW 318I นั้นให้เร่ม้นที่สภาพ ตัวถังสภาพภายในตามด้วยเกียร์ถ้าเป็นออโต้ แล้วค่อยมาช่วง ล่างจบที่ เครื่องยนต์จะดีมาก จึงต้องพิถี พิถันหน่อยเวลาจับเพราะพลาดพลั้งขึ้นมาได้ซ่อมจนเบื่อ หมด เงินพอจะซ้อรถเล็กญี่ปุ่นได้ 1 คันเชียวละ แต่ถ้าได้สภาพไม่ต้องซ่อม ก็จะใช้ 318I อย่าง ชนิดไม่อยากแตะรถอื่น ๆ ไปอีกนาน